ไขทุกข้อสงสัย 5 เรื่องชวนรู้ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร

ก.พ. 22, 2022

หนึ่งในคำถามที่หมอโซลาร์ต้องตอบทุกวันคือ ระบบโซลาร์แบบ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร

การนำแผงโซล่าเซลล์มาใช้เป็นพลังงานในการผลิตไฟฟ้า มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ตามวัตถุประสงค์และความต้องการของผู้ลงทุนติดตั้ง โดยรูปแบบที่นิยมกันอยู่ในปัจจุบัน มีทั้ง On Grid และ Off Grid โดย On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไรนั้น เป็นสิ่งที่ผู้สนใจติดตั้งควรให้ความใส่ใจเรียนรู้ ทั้งข้อดี และข้อเสียของทั้ง 2 ระบบให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป และสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตามหาคำตอบของคำถามที่ว่าระบบ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร ได้ที่บทความนี้กันเลย 

1. On Grid และ Off Grid ใช้ระบบแปลงไฟฟ้า (Inverter) ที่ต่างกัน

สำหรับ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไรนั้น ความแตกต่างอย่างแรก คือ ระบบแปลงไฟฟ้า โดยระบบ On Grid จะใช้ Grid Tie Inverter เป็นอุปกรณ์แปลงไฟฟ้ามาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบสายส่งของการไฟฟ้า ทำให้ลดความยุ่งยากในการต้องแยกระบบควบคุม รวมทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ด้วย ส่วนระบบ Off Grid จะใช้ Off Grid Inverter แปลงไฟฟ้าจากกระแสตรง เป็นกระแสสลับ แต่ไม่สามารถนำมาเชื่อมต่อกับระบบสายส่งของการไฟฟ้าได้ 

2. On Grid หากมีกระแสไฟฟ้าเกินสามารถขายคืนได้ แต่ Off Grid ไม่สามารถทำได้

สำหรับคำตอบนี้ อาจจะเป็นตัวชูโรงของคำถามที่ว่าระบบ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร นั้นคือระบบ On Grid สามารถเชื่อมต่อกับระบบสายส่งของการไฟฟ้าได้ หากผลิตไฟฟ้าได้เกินกว่าความต้องการใช้งาน กระแสไฟฟ้าที่เหลือยังสามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้ เป็นการสร้างรายได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทาง แต่สำหรับระบบ Off Grid เป็นระบบที่ผลิตไว้ใช้งานเอง หรือหากผลิตได้เกินก็จะนำไปจัดเก็บในระบบแบตเตอรี่แทน ไม่สามารถนำไปขายคืนได้ 

3. On Grid ไม่สามารถใช้ไฟฟ้าเมื่อไฟดับได้ ส่วน Off Grid มีไฟใช้ตลอดในช่วงกลางวัน

จากการออกแบบระบบ On Grid ให้มีการทำงานร่วมกันของระบบจ่ายกระแสไฟฟ้า 2 ระบบ คือ ไฟฟ้าที่ผลิตจากแผงโซล่าเซลล์ และไฟฟ้าที่มาจากสายส่งของการไฟฟ้า แต่หากเกิดกระแสไฟฟ้าดับ ระบบ On Grid ก็จะดับไปด้วย แม้ว่าระบบโซล่าเซลล์จะยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงกลางวัน เนื่องจากระบบได้ออกแบบมาเพื่อป้องกันกระแสไฟไหลย้อน ทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติงานซ่อมแซมไฟฟ้า ส่วนระบบ Off Grid จะยังสามารถใช้งานไฟฟ้าได้ตลอดในช่วงเวลากลางวัน หรือมีไฟฟ้าสะสมในแบตเตอรี่ คำตอบนี้เป็นอีกประโยชน์สำหรับคุณได้แน่นอน หากคุณคือคนหนึ่งที่สงสัยว่าระบบ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไรแล้วล่ะก็

4. Off Grid มีต้นทุนอุปกรณ์ และเงินลงทุนในระบบที่สูงกว่า On Grid 

อีกปัจจัย ที่หลายท่านมักสงสัยว่า On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร ก็คือในส่วนงบประมาณค่าใช้จ่าย เนื่องด้วยระบบ Off Grid จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์จำนวนมากในการเชื่อมต่อกันเป็นระบบ ทั้งแผงโซล่าเซลล์, Inverter, Solar Charger, แบตเตอรี่ จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการลงทุนที่สูงกว่า ทั้งในการออกแบบ ติดตั้งและดูแลระบบผลิตไฟฟ้ามากกว่าระบบ On Grid 

5. On Grid ยังคงต้องจ่ายค่าไฟฟ้ารายเดือน แต่ Off Grid ไม่ต้องจ่าย 

แม้ว่าระบบ On Grid จะสามารถผลิตไฟฟ้าจากแผงโซล่าเซลล์มาใช้ได้เอง แต่ยังคงต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้าจากระบบสายส่งของการไฟฟ้า ในกรณีที่แสงแดดน้อย หรือในช่วงฤดูฝน จึงทำให้ยังคงมีรายจ่ายค่าไฟในแต่ละเดือนอยู่ ซึ่งจะลดน้อยลง จาการนำไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์เข้ามาเสริมในช่วงเวลากลางวัน ส่วนระบบ Off Grid เป็นระบบที่ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับระบบสายส่ง จึงไม่ต้องมีการจ่ายไฟฟ้ารายเดือน คำตอบของคำถามที่ว่า On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร ข้อนี้ อาจทำให้ใครหลายคนต้องชั่งใจพอสมควรว่าจะใช้บริการระบบรูปแบบใดดี

จากข้อมูล On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไร คงทำให้ผู้สนใจติดตั้งระบบโซล่าเซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าไว้ใช้เอง สำหรับการลดค่าไฟ โดยการจะเลือกติดตั้งระบบใดนั้น ควรคำนึงถึงปริมาณไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน งบประมาณที่ต้องใช้ในการลงทุน รวมไปถึงทำเลที่ตั้งของพื้นที่ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ ซึ่งต้องมีความเหมาะสม ทำให้ระบบมีการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องต่อความต้องการ หลังจากที่คุณได้รับข้อมูล และคำตอบของคำถามที่ว่าโซลาร์เซลล์ระบบ On Grid กับ Off Grid ต่างกันอย่างไรจากบทความนี้ไปในระดับหนึ่งแล้วล่ะก็ หากต้องการผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมืออาชีพเข้ามาดูแลอย่างใกล้ติด สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น ยินดีพร้อมเป็นที่ปรึกษา และให้บริการแบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแล ตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082 – 6282456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ https://www.powercreation.co.th/ และ Facebook : Solar Power Creation 

By Nung Pr 08 Jan, 2024
หยุดทำให้โซลาร์ ต้องกลายเป็นผู้ต้องหากันเถอะ
By Nung Pr 09 Oct, 2023
ในแต่ละเดือน ทุกครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทุกสถานที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ก็คือ ค่าไฟฟ้า ซึ่งยิ่งใช้มาก ก็จะมียอดเรียกเก็บในแต่ละเดือนสูงขึ้น โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่หลาย ๆ แห่งประสบปัญหา ค่าไฟแพงมาก จนอยากหาทางออก ที่ไม่ใช่แค่การประหยัดไฟ ซึ่งบางครั้งก็รบกวนสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร โดยการหาทางแก้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสาเหตุของวิกฤติ ค่าไฟแพงมาก นั้นมาจากอะไร ซึ่งคงมีหลายคนที่สงสัย และต้องการหาคำตอบว่ามีต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนมาทำความเข้าใจ ให้กระจ่างกัน 1. ความผิดปกติของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด ปัญหา ค่าไฟแพงมาก อาจจะมีหนึ่งในสาเหตุมาจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดมากกว่าผิดปกติ หรือเป็นไปได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาจะเกิดความเสื่อมสภาพภายใน จนทำให้กินไฟมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์รุ่นเก่า ๆ ที่ใช้งานมานาน และไม่ได้มีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีประหยัดไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งหากพบว่ามาจากสาเหตุนี้ ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องใหม่ที่ใช้งานได้เป็นปกติทดแทน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประหยัดไฟฟ้า และช่วยลดค่าไฟให้ต่ำลงได้ 2. เกิดไฟฟ้ารั่วในบางจุด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆไม่ได้ทำกิจกรรมหรือจัดงานอะไรพิเศษที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าธรรมดา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าปัญหา ค่าไฟแพงมาก จะมีสาเหตุมาจากเกิดไฟฟ้ารั่วไหลในบางจุด ซึ่งมีการเสื่อมสภาพของสายไฟ หรือมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น หนูมากัดแทะสายไฟ จนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าช๊อต และไหลออกโดยไม่ได้ใช้งาน หากมีการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรเร่งติดต่อช่างไฟฟ้ามาดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข ไม่ควรดำเนินการเอง หากไม่มีความชำนาญ 3. ความผิดพลาดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บางครั้งปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตุภายในสถานที่ซึ่งใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ก็เป็นไปได้หลายครั้งที่พบว่าเกิดจากความผิดพลาดของผู้เกี่ยวข้องในระบบจัดการคิดคำนวณค่าไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่จดมิเตอร์ หรือระบบในการจัดส่งข้อมูล ซึ่งทำให้ยอดที่แสดงผลในบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งตรวจสอบ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับผิดชอบแก้ไข 4. การปรับตัวของต้นทุนพลังงานในการผลิตไฟฟ้า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นต้นตอของปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็มาจากการปรับตัวของต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างซ่อมแซมโรงไฟฟ้าที่ถูกผลักมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับผ่านค่า ft ซึ่งจะมีการทบทวนและประกาศใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน แม้ว่าจะใช้ไฟฟ้าในจำนวนหน่วยเท่าเดิม แต่หากค่า ft ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟจะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 5. การใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปกติตามฤดูกาล ในแต่ละเดือนของแต่ละปี จะมีการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป โดยฤดูกาลก็มีผล อย่างฤดูฝนหรือฤดูหนาว ก็จะมีการใช้ไฟฟ้าที่น้อยกว่าฤดูร้อน ซึ่งจะต้องเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ พัดลมมากกว่าปกติ ซึ่งชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็กินไฟสูง จึงเป็นเหตุให้ ค่าไฟแพงมาก กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อการหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟในฤดูร้อนได้ดี ก็อาจจะเป็นตัวช่วยให้ค่าไฟฟ้าในเวลานั้นไม่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีได้ ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงได้ จากสาเหตุ ค่าไฟแพงมาก ที่รวบรวมมาคลายความสงสัยให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อจะได้วางแผนในการตรวจสอบและแก้ไข โดยหนึ่งทางออกที่ช่วยสยบปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดก็คือ การเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นตัวช่วย โดยหากท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน แต่เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น ที่มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
By Nung Pr 09 Oct, 2023
เสียงบ่นเรื่องค่าไฟแพงมักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่สูงกว่าช่วงอื่น ๆ ในแต่ละปี โดยอาจจะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุหรือต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนผู้ใช้ไฟทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่าปัญหา ค่าไฟแพง 2566 มีปัจจัยใดเป็นตัวสนับสนุน แล้วเราจะหาทางออกให้กับวิกฤติเรื้อรังนี้ยังไงให้เกิดความยั่งยืน เนื่องจากไฟฟ้าถือเป็นพลังงานสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับทุกสถานที่ และทุกคน โดยเฉพาะในอนาคตที่คาดว่าจะต้องใช้ในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น การมารู้จักสาเหตุ ค่าไฟแพง 2566 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องเครียดกับปัญหาค่าไฟที่ผลักดันให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย 1. การพึ่งพาและนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างชาติ ที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมโครงสร้างราคาได้ โดยเฉพาะหากมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น การหยุดซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงระบบขุดเจาะหรือนำส่ง การเกิดภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในประเทศนั้น ๆ จำนวนปริมาณพลังงานที่มีจำนวนน้อยลง จนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 ทั้งสิ้น 2. การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลส่วนใหญ่ในการเป็นแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ระบบโรงผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงต้องใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงกรณีขาดแคลนเชื้อเพลิงเหล่านี้ ซึ่งต้องมีการหาแหล่งสำรอง ที่อาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัด จึงต้องมีการจัดซื้อ เพื่อให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในประเทศ และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการค้าโดยรวม นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติ ค่าไฟแพง 2566 3. รูปแบบต้นทุนการผลิต ที่ผลักภาระไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าของรัฐ หรือเอกชน จะนำมาคำนวณรวมกันแล้วเฉลี่ยเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ทุกสถานที่ผู้ใช้ไฟจะต้องแบกรับ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป แปรผันตามปริมาณการใช้งาน ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้น ค่าไฟแพง 2566 ส่วนหนึ่งจึงมาจากรูปแบบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะผลักดันภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระขาดทุนที่ภาครัฐจะต้องแบกรับ หรือนำภาษีที่จัดเก็บได้มาอุดหนุน 4. การสำรองไฟฟ้าไว้ใช้งานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า และไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงัก กรณีเกิดการขาดแคลน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง จึงต้องมีการวางแผน เพื่อดำเนินการสำรองกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานให้เพียงต่อ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน หรือช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ไฟฟ้าบางส่วนหายไปจากระบบ ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน ในบางครั้งอาจจะมีอัตราสำรองที่สูงเกินจริง จึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 5. นโยบายด้านพลังงานที่ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ เสถียรภาพด้านการเมือง แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะนโยบายจากรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยก็มีผลผูกพันต่อการทำสัญญาซื้อขาย และการวางแผนเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจในการสั่งการ ก็มักจะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการดำเนินการ ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือน และไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ค่าไฟแพง 2566 จึงมีสาเหตุหรือต้นทางมาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดยอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ก็คือ การหันมาใช้พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าผ่านระบบโซล่าเซลล์ โดยสำหรับท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
More Posts
Share by: