สูตรคำนวนความคุ้มค่า โครงการโซลาร์ภาคประชาชน

Nung Pr • 27 ตุลาคม 2564

ติดโซลาร์ในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน กี่ปี คืนทุน หมอโซลาร์มีคำตอบให้ครับ

หลังจากที่หมอโซลาร์ นำเสนอเรื่องโซลาร์ภาคประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง คำถามหนึ่งที่มีคนถามบ่อยมากที่สุดก็คือ โครงการนี้มันคุ้มค่า น่าลงทุนจริงเหรอ


เพราะถ้าเอาตัวเลขมาดูกันจริง ๆ จะเห็นได้ว่ายังมีความแตกต่างระหว่างไฟที่ซื้อกับไฟที่เราขายคืนการไฟฟ้าอยู่พอสมควร


หากใครที่เริ่มต้นอ่านจากตรงนี้ อยากรู้ความเป็นมาของโครงการโซลาร์ภาคประชาชน สามารถคลิกไปอ่านย้อนหลังได้ในนี้เลยครับ


โครงการโซลาร์ภาคประชาชนคืออะไร

อยากเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชนต้องทำอย่างไร

วีดีโอแนะนำโครงการโซลาร์ภาคประชาชน (ฉบับย่อยให้เข้าใจง่าย)


ไฟซื้อกับไปขาย ที่ยังต่างกัน ทำไมถึงลงทุนแล้วคุ้มค่า



อย่างที่เรารู้กันนะครับปัจจุบันเราใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าที่หน่วยละ 3 - 4 บาท ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟ ยิ่งใช้ไฟเยอะ ก็ยิ่งแพง เนื่องจากเราเสียค่าไฟในอัตราการก้าวหน้า


แต่ในขณะที่โครงการโซลาร์ภาคประชาชน รับซื้อไฟส่วนที่ผลิตการจากระบบโซลาร์ เพียงหน่วยละ 2.2 บาท ซึ่งหากเทียบกับค่าไฟเฉลี่ยแล้ว ราคาต่างจากไฟที่ซื้อถึง 1.2 - 2.3 บาทเลยทีเดียว


แล้วโครงการนี้จะคุ้มค่าได้อย่างไร วันนี้หมอโซลาร์เลยมีสูตรมาให้คำนวณกันนะครับ


สูตรคำนวณความคุ้มค่า ในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

สูตรคำนวณนี้ ใช้คำนวณจากพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของแต่ละคนนะครับ ซึ่งก่อนจะไปถึงสูตรเราต้องเข้าใจเรื่องการผลิตไฟของระบบโซลาร์กันก่อนนะครับ


เพราะระบบโซลาร์รูฟท็อป เริ่มผลิตไฟตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก ดังนั้นช่วงเวลาที่เรานำมาคำนวณเรื่องการผลิตไฟ จะเป็นช่วงเวลากลางวันเป็นหลัก


ดังนั้น หากได้เคยพูดคุยหรือสอบถามเรื่องการหาจุดคุ้มค่าในการติดตั้ง คำถามแรกที่จะได้ยินกันเสมอ คือ “เรามีการใช้ไฟกลางวันเยอะหรือไม่”


เพราะหากเราผลิตเอง ใช้เอง เราสามารถประหยัดค่าไฟได้ 3-4.5 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราการจ่ายค่าไฟฟ้าของแต่ละคน) เพราะแทนที่เราจะใช้ไฟจากการไฟฟ้า เราก็ได้ใช้ไฟจากระบบโซลาร์เซลล์แทน


ดังนั้นสูตรที่ใช้คำนวณนี้ หมอโซลาร์จะใช้ ชุด 5 กิโลวัตต์ มาทดลองคำนวณให้นะครับ 


โดยค่าเฉลี่ยของการผลิตไฟฟ้าของชุด 5 กิโลวัตต์ จะอยู่ที่ 600-750 หน่วยต่อเดือน ถ้าเราเอาค่ากลาง ๆ คือ 700 หน่วยมาเป็นตัวคำนวณ ดูนะครับ


กรณีแรก คือเราใช้ไฟฟ้าตอนกลางวัน มากกว่าที่ผลิตได้ (เช่นเปิดแอร์กลางวัน 2-3 ตัว) 

 

เมื่อผลิตได้ 700 หน่วย แล้วเราใช้หมดทั้ง 700 หน่วย ดังนั้น เราจะประหยัดค่าไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์ เดือนละ 700 x 4.5 = 3,145 บาทต่อเดือน 


แต่หากเราใช้ไฟ้เพียง 50 เปอร์เซนต์ของที่ผลิตได้


เราจะประหยัดไฟจากการไฟฟ้า 350 x 4.5 = 1,575 บาท

ส่วนที่ขายไฟคืนการไฟฟ้า 350 x 2.2 = 770 บาท

เราจะประหยัดไฟได้เดือนละ 1,575+770 = 


ในขณะเดียวกัน หากไม่มีการใช้ไฟฟ้าช่วงกลางวันเลย


ไฟที่ผลิตได้ขายคืนทั้งหมด เราจะได้เงินจากระบบโซลาร์เซลล์ 700 x 2.2 = 1,540 บาท


ดังนั้นหากเราเอาราคาติดตั้งที่ 195,000 มาคำนวณ จะพบว่าจุดคุ้มทุน จะแปรผันตามพฤติกรรมการใช้ไฟ


หากใช้ไฟเอาทั้งหมด จะคุ้มทุนใน 195,000/3,145 = 62 เดือน หรือประมาณ 5 ปี


แต่ถ้าใช้ไฟฟ้าจากระบบโซลาร์เซลล์ 50 เปอร์เซนต์ จะคุ้มทุนใน 195,000/2,345 = 83 เดือน หรือประมาณ 6.9 ปี


แต่ถ้าเน้นติดตั้งเพื่อขายอย่างเดียว จะคุ้มทุนใน 195,000/1,540 = 126 เดือน หรือประมาณ 10.5 ปี


เห็นตัวเลขแบบนี้แล้ว อาจจะพอมองเห็นภาพมากขึ้นนะครับ


บทสรุปความคุ้มค่าของโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

อายุการใช้งานของระบบโซลาร์เซลล์ เฉลี่ยจะอยู่ที่ 25 ปี


จากสูตรด้านบนจะเห็นว่า ยิ่งใช้ไฟกลางวันมากเท่าไหร่ จุดคุ้มทุนก็จะเร็วขึ้น


ซึ่งหากระยะเวลาอยู่ที่ 5-7 ปี เป็นจุดที่ดีที่สุดของการลงทุนในเวลานี้แล้วครับ


แต่หากระยะเวลาในการลงทุน เกิน 10 ปี อันนี้หมอโซลาร์อาจต้องแนะนำให้กลับไปพิจารณาให้ดีอีกที


เพราะหากคำนวณความคุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ อันนี้อาจจะไม่คุ้มเท่าไหร่


หรือถ้าจะพูดกันภาษาบ้าน ๆ ว่า เอาเงินที่มีไปลงทุนอย่างอื่น อาจจะคุ้มกว่า


อีกอย่าง โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ก็มีระยะเวลาทำสัญญาขายไฟกับการไฟฟ้าเพียง 10 ปีเท่านั้น


ดังนั้น หากวันนี้เราใช้ไฟกลางวันเยอะอยู่แล้ว หรือมีแผนการใช้ไฟฟ้าตอนกลางวันเพิ่มขึ้น เช่นเปิดแอร์ให้คุณพ่อ คุณแม่ที่อยู่บ้าน ได้ใช้ชีวิตสบายขึ้น หรือใช้ไฟ เพื่อการลงทุนกับเหมืองขุดบิทคอยน์ หรือแม้กระทั่ง การวางแผนซื้อรถไฟฟ้า ที่สามารถมาชาร์จตอนกลางวันได้ ทั้งหมดนี้ คือปัจจัยสำคัญในการพิจารณาเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนทั้งหมดครับ


ความจริงแล้วรายละเอียดของโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ยังมีอีกหลายแง่มุมนะครับ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการยกหูคุยกับหมอโซลาร์โดยตรง ก็ติดต่อเรามาได้ตามช่องทางที่สะดวกได้เลยครับ


โทร : 082-628-2456

Line ID : @solarpowercreation หรือคลิกที่ Link นี้

Facebook : Solar Power Creation


หมอโซลาร์พร้อมให้คำแนะนำ แบบไม่มีกั๊ก ที่ครบ จบที่เดียวแน่นอนครับ


โดย Nung Pr 8 มกราคม 2567
หยุดทำให้โซลาร์ ต้องกลายเป็นผู้ต้องหากันเถอะ
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
ในแต่ละเดือน ทุกครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทุกสถานที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ก็คือ ค่าไฟฟ้า ซึ่งยิ่งใช้มาก ก็จะมียอดเรียกเก็บในแต่ละเดือนสูงขึ้น โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่หลาย ๆ แห่งประสบปัญหา ค่าไฟแพงมาก จนอยากหาทางออก ที่ไม่ใช่แค่การประหยัดไฟ ซึ่งบางครั้งก็รบกวนสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร โดยการหาทางแก้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสาเหตุของวิกฤติ ค่าไฟแพงมาก นั้นมาจากอะไร ซึ่งคงมีหลายคนที่สงสัย และต้องการหาคำตอบว่ามีต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนมาทำความเข้าใจ ให้กระจ่างกัน 1. ความผิดปกติของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด ปัญหา ค่าไฟแพงมาก อาจจะมีหนึ่งในสาเหตุมาจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดมากกว่าผิดปกติ หรือเป็นไปได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาจะเกิดความเสื่อมสภาพภายใน จนทำให้กินไฟมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์รุ่นเก่า ๆ ที่ใช้งานมานาน และไม่ได้มีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีประหยัดไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งหากพบว่ามาจากสาเหตุนี้ ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องใหม่ที่ใช้งานได้เป็นปกติทดแทน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประหยัดไฟฟ้า และช่วยลดค่าไฟให้ต่ำลงได้ 2. เกิดไฟฟ้ารั่วในบางจุด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆไม่ได้ทำกิจกรรมหรือจัดงานอะไรพิเศษที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าธรรมดา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าปัญหา ค่าไฟแพงมาก จะมีสาเหตุมาจากเกิดไฟฟ้ารั่วไหลในบางจุด ซึ่งมีการเสื่อมสภาพของสายไฟ หรือมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น หนูมากัดแทะสายไฟ จนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าช๊อต และไหลออกโดยไม่ได้ใช้งาน หากมีการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรเร่งติดต่อช่างไฟฟ้ามาดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข ไม่ควรดำเนินการเอง หากไม่มีความชำนาญ 3. ความผิดพลาดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บางครั้งปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตุภายในสถานที่ซึ่งใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ก็เป็นไปได้หลายครั้งที่พบว่าเกิดจากความผิดพลาดของผู้เกี่ยวข้องในระบบจัดการคิดคำนวณค่าไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่จดมิเตอร์ หรือระบบในการจัดส่งข้อมูล ซึ่งทำให้ยอดที่แสดงผลในบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งตรวจสอบ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับผิดชอบแก้ไข 4. การปรับตัวของต้นทุนพลังงานในการผลิตไฟฟ้า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นต้นตอของปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็มาจากการปรับตัวของต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างซ่อมแซมโรงไฟฟ้าที่ถูกผลักมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับผ่านค่า ft ซึ่งจะมีการทบทวนและประกาศใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน แม้ว่าจะใช้ไฟฟ้าในจำนวนหน่วยเท่าเดิม แต่หากค่า ft ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟจะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 5. การใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปกติตามฤดูกาล ในแต่ละเดือนของแต่ละปี จะมีการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป โดยฤดูกาลก็มีผล อย่างฤดูฝนหรือฤดูหนาว ก็จะมีการใช้ไฟฟ้าที่น้อยกว่าฤดูร้อน ซึ่งจะต้องเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ พัดลมมากกว่าปกติ ซึ่งชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็กินไฟสูง จึงเป็นเหตุให้ ค่าไฟแพงมาก กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อการหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟในฤดูร้อนได้ดี ก็อาจจะเป็นตัวช่วยให้ค่าไฟฟ้าในเวลานั้นไม่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีได้ ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงได้ จากสาเหตุ ค่าไฟแพงมาก ที่รวบรวมมาคลายความสงสัยให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อจะได้วางแผนในการตรวจสอบและแก้ไข โดยหนึ่งทางออกที่ช่วยสยบปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดก็คือ การเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นตัวช่วย โดยหากท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน แต่เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น ที่มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
เสียงบ่นเรื่องค่าไฟแพงมักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่สูงกว่าช่วงอื่น ๆ ในแต่ละปี โดยอาจจะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุหรือต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนผู้ใช้ไฟทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่าปัญหา ค่าไฟแพง 2566 มีปัจจัยใดเป็นตัวสนับสนุน แล้วเราจะหาทางออกให้กับวิกฤติเรื้อรังนี้ยังไงให้เกิดความยั่งยืน เนื่องจากไฟฟ้าถือเป็นพลังงานสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับทุกสถานที่ และทุกคน โดยเฉพาะในอนาคตที่คาดว่าจะต้องใช้ในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น การมารู้จักสาเหตุ ค่าไฟแพง 2566 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องเครียดกับปัญหาค่าไฟที่ผลักดันให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย 1. การพึ่งพาและนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างชาติ ที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมโครงสร้างราคาได้ โดยเฉพาะหากมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น การหยุดซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงระบบขุดเจาะหรือนำส่ง การเกิดภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในประเทศนั้น ๆ จำนวนปริมาณพลังงานที่มีจำนวนน้อยลง จนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 ทั้งสิ้น 2. การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลส่วนใหญ่ในการเป็นแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ระบบโรงผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงต้องใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงกรณีขาดแคลนเชื้อเพลิงเหล่านี้ ซึ่งต้องมีการหาแหล่งสำรอง ที่อาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัด จึงต้องมีการจัดซื้อ เพื่อให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในประเทศ และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการค้าโดยรวม นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติ ค่าไฟแพง 2566 3. รูปแบบต้นทุนการผลิต ที่ผลักภาระไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าของรัฐ หรือเอกชน จะนำมาคำนวณรวมกันแล้วเฉลี่ยเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ทุกสถานที่ผู้ใช้ไฟจะต้องแบกรับ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป แปรผันตามปริมาณการใช้งาน ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้น ค่าไฟแพง 2566 ส่วนหนึ่งจึงมาจากรูปแบบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะผลักดันภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระขาดทุนที่ภาครัฐจะต้องแบกรับ หรือนำภาษีที่จัดเก็บได้มาอุดหนุน 4. การสำรองไฟฟ้าไว้ใช้งานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า และไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงัก กรณีเกิดการขาดแคลน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง จึงต้องมีการวางแผน เพื่อดำเนินการสำรองกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานให้เพียงต่อ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน หรือช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ไฟฟ้าบางส่วนหายไปจากระบบ ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน ในบางครั้งอาจจะมีอัตราสำรองที่สูงเกินจริง จึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 5. นโยบายด้านพลังงานที่ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ เสถียรภาพด้านการเมือง แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะนโยบายจากรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยก็มีผลผูกพันต่อการทำสัญญาซื้อขาย และการวางแผนเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจในการสั่งการ ก็มักจะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการดำเนินการ ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือน และไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ค่าไฟแพง 2566 จึงมีสาเหตุหรือต้นทางมาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดยอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ก็คือ การหันมาใช้พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าผ่านระบบโซล่าเซลล์ โดยสำหรับท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โพสเพิ่มเติม