โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ให้คุณเป็นเข้าของโรงไฟฟ้าและขายไฟคืนรัฐได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ

20 ตุลาคม 2564

ไขข้อข้องใจโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เวอร์ชั่นเข้าใจง่าย สไตล์หมอโซลาร์

มีคนถามเข้ามาเยอะมากครับ ว่าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน คืออะไร และหากต้องการเข้าร่วมโครงการต้องทำอย่างไร วันนี้หมอโซลาร์มีคำตอบมาให้นะครับ

ที่มาของโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

โครงการโซลาร์ภาคประชาชน เป็นแนวคิดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน  (กกพ. ) ที่ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านที่อยู่อาศัย ที่ต้องการจะผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหบลังคา เพื่อใช้งานเองเป็นหลัก ส่วนที่เหลือสามารถขายคืนเข้าระบบได้ ซึ่งกำหนดให้การไฟฟ้าจำหน่าย ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นผู้รับซื้อจากภาคประชาชน โดยได้ดำเนินกาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 แล้ว


โดยในปีนี้ (2564) มีเป้าหมายการรับซื้อรวมทั้งสิ้น 20 เมกะวัตต์ (MWP) โดยแบ่งเป็นโควต้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 35 กิโลวัตต์ และ การไฟฟ้านครหลวง 15 กิโลวัตต์  โดยพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงได้แต่ นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร และอีก 74 จังหวัดเป็นส่วนของการดูแลรับซื้อของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค


โดยการรับซื้อไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ จะรับซื้อในอัตราหน่วยละ 2.20 บาท โดยมีระยะเวลาในการรับซื้อ 10 ปี


โครงการโซลาร์ภาคประชาชน รับซื้อไฟฟ้าแค่ 2.2 บาทเท่านั้น คุ้มค่าที่จะลงทุนหรือไม่

อย่างที่หมอโซลาร์บอกไปตอนต้นว่า โครงการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประชาชน ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อใช้งานเองเป็นหลัก ส่วนที่เกินจากการใช้งานเอง จึงเป็นส่วนที่ประชาชนสามารถขายคืนได้


โครงการนี้จึงออกแบบมาเพื่อไม่ให้ไฟฟ้าที่ผลิตได้สูญเปล่า ดังนั้นหากต้องการเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน อาจต้องทำความเข้าใจให้ดี ว่าบ้านของเรามีพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าแบบไหน มีการใช้ไฟตอนกลางวันหรือไม่ เพื่อที่จะได้หาจุดคุ้มทุน หรือความคุ้มค่าในระยะเวลาอันสั้น


เพราะการลงทุนติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป หรือหลังคาโซลาร์เซลล์ เป็นการลงทุนที่ต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่พอสมควร


หมอโซลาร์เคยคำนวณให้เห็นแล้วว่า หากเน้นขายไฟคืนอย่างเดียว อาจต้องใช้ 8-10 ปี กว่าจะได้เงินลงทุนนั้นกลับมา ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์​ ถือว่าไม่ตอนโจทย์เรื่องการลงทุน ดังนั้นเราควรจะต้องมองโครงการโซลาร์ภาคประชาชนกันใหม่ ว่าทำอย่างไร ประชาชนอย่างเรา จึงจะคุ้มค่าในการเข้าร่วมโครงการนี้



เช็คลิสต์สำคัญ ในการเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้ก่อนนะครับ

  1. ดูบิลค่าไฟของเราก่อนว่า ว่าเป็นบิลประเภท 1 หรือเปล่า เพราะตามข้อกำหนดของโครงการนี้ คือต้องเป็นบ้านพักอาศัย โดยจะมีระบุไว้ในบิลค่าไฟ ว่าเป็นผู้ใช้ไฟประเภท 1 เท่านั้น (ที่จะร่วมโครงการได้ในตอนนี้)

2. ต้องดูพื้นที่ของหลังคา ว่าเพียงพอต่อการติดตั้งโซลาร์เซลล์หรือไม่ เพราะการติดตั้งเพื่อเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ใช้พื้นที่บนหลังคาพอสมควรเลย เช่นชุด 5 กิโลวัตต์ อาจใช้พื้นที่ถึง 22 ตารางเมตร หรือชุด 10 กิโลวัตต์ อาจใช้พื้นที่ถึง 44 ตารางเมตร ซึ่งเราต้องพิจารณาให้ดีว่า หลังคาของเรามีความแข็งแรงทนทานเพียงพอ และมีพื้นที่ที่หันรับแดดได้ดี (ทิศใต้ หรือทิศตะวันตก) มีพื้นที่เพียงพอด้วยหรือเปล่า

3. ต้องดูค่าไฟฟ้าในบ้านของคุณด้วยนะครับ ว่าปกติค่าไฟต่อเดือน เดือนละเท่าไหร่ และการใช้ไฟในแต่ละเดือน ใช้ไฟกลางวัน หรือกลางคืนมากกว่ากัน หากค่าไฟฟ้าของคุณน้อยกว่า 1,500 บาทต่อเดือน หรือใช้ไฟกลางคืนมากกว่ากลางวัน หมอโซล่าร์คิดว่า บ้านของคุณไม่เหมาะกับระบบนี้ เนื่องจากการติดตั้งเพื่อเน้นขายอย่างเดียว จะไม่คุ้มค่า เพราะการไฟฟ้า รับซื้อไฟฟ้าเพียงหน่วยละ 2.2 บาทเท่านั้น


หรือในกรณีที่ใช้ไฟ้าน้อยอยู่ แต่มีแผนที่จะใช้ไฟมากขึ้น เช่นตอนนี้เปลี่ยนมาทำงานอยู่บ้าน ต้องเปิดแอร์ตอนกลางวันเพิ่มขึ้น หรือมีแผนจะใช้รถไฟฟ้า ที่สามารถชาร์จตอนกลางวันได้ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะใช้

ภาพมิเตอร์ของโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

โครงการโซลาร์ภาคประชาชน ขายไฟคืน อย่างไร ?

เนื่องจากไฟฟ้า ไม่เหมือนสิ้นค้าอื่น ๆ ที่เราจะสามารถรู้ว่า อันไหนคือไฟซื้อ อันไหนคือไฟขาย ดังนั้น ก็มักจะมีคนสงสัยอยู่เสมอว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราขายไฟคืนให้การไฟฟ้าไปแล้วเท่าไหร่ อย่างไร


อันนี้จริง ๆ ต้องพิจารณาให้ดีตั้งแต่การติดตั้งเลยครับ เพราะอินเวอร์เตอร์ส่วนใหญ่ในท้องตลาด จะมีอุปกรณ์ตัวหนึ่งเรียกว่า Power Sensor  ที่ไม่ได้แถมมาพร้อมในชุดติดตั้ง ต้องซื้อเพิ่ม และติดตั้งเพิ่มเติมในระบบ


โดยอุปกรณ์ตัวนี้จะสามารถอ่านค่าพลังงานได้ว่า ณ ปัจจุบัน บ้านของเราใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์อยู่ หรือต้องดึงไฟจากการไฟฟ้ามาใช้ร่วมด้วยมากน้อยแค่ไหน

และยังสามารถบอกได้ว่า หากเราผลิตไฟมากกว่าที่เราใช้งาน ส่วนนั้นเองก็จะเป็นการขายคืนให้กับการไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน นั่นเอง

ตัวอย่าง ภาพที่แสดงใน Application ของอินเวอร์เตอร์ Huawei 

ที่แสดงข้อมูลของไฟส่วนที่เราใช้เอง และไฟฟ้าส่วนที่เราขายคืน

จากกราฟด้านบนจะเห็นได้ว่า ส่วนที่เป็นสีเขียว คือส่วนที่การผลิตไฟ เกินกว่าส่วนที่ใช้งานจริง ไฟที่ผลิตได้ก็จะไหลออกไปตามสายส่ง ขายคืนการไฟฟ้า ซึ่งในระบบของ Huawei จะขึ้นว่าเป็นส่วนที่เรา Export ไป ซึ่งเราก็จะทราบว่า วันนี้เราขายไฟให้กับการไฟฟ้าได้เท่าไหร่


โดยข้อมูลนี้จะเป็นข้อมูลฝั่งขอผู้ใช้งาน

ซึ่งในฝั่งของการไฟฟ้าเองก็จะต้องมีการมาเปลี่ยนมิเตอร์หน้าบ้าน เป็นมิเตอร์ขายไฟ ซึ่งมิเตอร์นี้จะสามารถวัดค่าพลังงานมากกว่ามิเตอร์ทั่วไป โดยวัดทั้งไฟซื้อและไฟขายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งหากการติดตั้งระบบถูกต้องสมบูรณ์ ข้อมูลของทั้งของเจ้าของบ้านและของการไฟฟ้าต้องตรงกัน หรือต้องใกล้เคียงกันมากที่สุด


โดยเมื่อถึงรอบการจดหน่วยและชำระค่าไฟฟ้า ในบิลค่าไฟก็สรุปมาว่า เดือนนี้เราซื้อไฟจากการไฟฟ้ามาเท่าไหร่ และขายคืนไปเท่าไหร่ และจ่ายเฉพาะส่วนต่าง (ในกรณีที่ซื้อมากกว่าขาย


หรือหากเดือนไหนเราแทบไม่ได้ใช้ไฟเลย มีไฟที่ขายมากกว่าไฟที่ซื้อ การไฟฟ้าก็จะโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีของเราที่ได้ยื่นเข้าระบบไว้เมื่อตอนขายไฟเลยครับ*


* ณ เวลานี้ ระบบนี้ใช้เฉพาะของการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ตัวอย่างบิลค่าไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ภาคประชาชน

จากใบเสร็จข้างบนจะเห็นว่า ในเดือน ตุลาคม 2564 บ้านหลังนี้ ซื้อไฟจากการไฟฟ้ามาทั้งสิ้น 6,156.79 บาท และขายไฟคืนการไฟฟ้าที่ 603.31 บาท จึงมียอดเหลือชำระ กฟน. เพียง 5,553.48 บาท

ซึ่งจากเดิมค่าไฟฟ้าของบ้านหลังนี้ก่อนติดตั้งโซลาร์ ไม่เคยต่ำกว่า 10,000 บาท แต่หลังจากติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้ว ก็สามารถประหยัดไฟที่ใช้ในตอนกลางวัน และส่วนที่เหลือก็ขายคืนการไฟฟ้าได้อย่างสบายใจขึ้นได้ครับ

หมอโซลาร์ เคยทำวีดีโอสั้น ๆ เกี่ยวกับโครงการโซลาร์ภาคประชาชน เป็น infographic ง่าย ๆ ไว้ให้นะครับ หากสนใจลองคลิกชมดูได้ครับ

และตอนหน้า หมอโซลาร์ จะพาไปเจาะลึกวิธีการเข้าร่วมโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ที่อาจจะไม่มีใครเคยบอกละเอียดแบบนี้มาก่อนนะครับ

ขั้นตอนอาจจะดูเยอะแยะวุ่นวาย แต่สบายใจได้ครับ หากให้หมอโซลาร์ช่วยดูแล เพราะเราดำเนินการให้ครบ จบทุกอย่าง ตั้งแต่งานติดตั้งไปจนถึงการยื่นขายไฟในโครงการโซลาร์ภาคประชาชนเลยครับ หรือหากใครอยากทราบว่าโครงการโซลาร์ภาคประชาชน ต้องทำอย่างไรบ้างสามารถกดคลิกที่ ลิงค์นี้ ได้เลยครับ

โดย Nung Pr 8 มกราคม 2567
หยุดทำให้โซลาร์ ต้องกลายเป็นผู้ต้องหากันเถอะ
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
ในแต่ละเดือน ทุกครอบครัวจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกันออกไป แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทุกสถานที่ต้องจ่ายเช่นเดียวกัน ก็คือ ค่าไฟฟ้า ซึ่งยิ่งใช้มาก ก็จะมียอดเรียกเก็บในแต่ละเดือนสูงขึ้น โดยเฉพาะในทุกวันนี้ที่หลาย ๆ แห่งประสบปัญหา ค่าไฟแพงมาก จนอยากหาทางออก ที่ไม่ใช่แค่การประหยัดไฟ ซึ่งบางครั้งก็รบกวนสร้างความยุ่งยาก ลำบาก ไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร โดยการหาทางแก้อย่างยั่งยืนได้นั้น ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสาเหตุของวิกฤติ ค่าไฟแพงมาก นั้นมาจากอะไร ซึ่งคงมีหลายคนที่สงสัย และต้องการหาคำตอบว่ามีต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนมาทำความเข้าใจ ให้กระจ่างกัน 1. ความผิดปกติของการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด ปัญหา ค่าไฟแพงมาก อาจจะมีหนึ่งในสาเหตุมาจากการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดมากกว่าผิดปกติ หรือเป็นไปได้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาจะเกิดความเสื่อมสภาพภายใน จนทำให้กินไฟมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์รุ่นเก่า ๆ ที่ใช้งานมานาน และไม่ได้มีการพัฒนาใช้เทคโนโลยีประหยัดไฟฟ้าซึ่งเป็นนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งหากพบว่ามาจากสาเหตุนี้ ก็ควรมีการเปลี่ยนแปลงซ่อมแซม หรือซื้อเครื่องใหม่ที่ใช้งานได้เป็นปกติทดแทน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประหยัดไฟฟ้า และช่วยลดค่าไฟให้ต่ำลงได้ 2. เกิดไฟฟ้ารั่วในบางจุด หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าตามปกติ ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใด ๆไม่ได้ทำกิจกรรมหรือจัดงานอะไรพิเศษที่มีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าธรรมดา ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าปัญหา ค่าไฟแพงมาก จะมีสาเหตุมาจากเกิดไฟฟ้ารั่วไหลในบางจุด ซึ่งมีการเสื่อมสภาพของสายไฟ หรือมีสัตว์ต่าง ๆ เช่น หนูมากัดแทะสายไฟ จนทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าช๊อต และไหลออกโดยไม่ได้ใช้งาน หากมีการตรวจสอบที่ชัดเจนแล้ว ก็ควรเร่งติดต่อช่างไฟฟ้ามาดำเนินการซ่อมแซมแก้ไข ไม่ควรดำเนินการเอง หากไม่มีความชำนาญ 3. ความผิดพลาดของบุคคลที่เกี่ยวข้อง บางครั้งปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็อาจจะไม่ได้มาจากสาเหตุภายในสถานที่ซึ่งใช้ไฟฟ้านั้น ๆ ก็เป็นไปได้หลายครั้งที่พบว่าเกิดจากความผิดพลาดของผู้เกี่ยวข้องในระบบจัดการคิดคำนวณค่าไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่จดมิเตอร์ หรือระบบในการจัดส่งข้อมูล ซึ่งทำให้ยอดที่แสดงผลในบิลค่าไฟฟ้ารายเดือนผิดแผกแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเร่งตรวจสอบ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตนเอง และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการรับผิดชอบแก้ไข 4. การปรับตัวของต้นทุนพลังงานในการผลิตไฟฟ้า อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่เป็นต้นตอของปัญหา ค่าไฟแพงมาก ก็มาจากการปรับตัวของต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างซ่อมแซมโรงไฟฟ้าที่ถูกผลักมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องแบกรับผ่านค่า ft ซึ่งจะมีการทบทวนและประกาศใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน แม้ว่าจะใช้ไฟฟ้าในจำนวนหน่วยเท่าเดิม แต่หากค่า ft ปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ค่าไฟจะพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 5. การใช้ไฟฟ้าสูงกว่าปกติตามฤดูกาล ในแต่ละเดือนของแต่ละปี จะมีการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป โดยฤดูกาลก็มีผล อย่างฤดูฝนหรือฤดูหนาว ก็จะมีการใช้ไฟฟ้าที่น้อยกว่าฤดูร้อน ซึ่งจะต้องเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศ พัดลมมากกว่าปกติ ซึ่งชุดเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็กินไฟสูง จึงเป็นเหตุให้ ค่าไฟแพงมาก กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อการหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ช่วยให้ประหยัดค่าไฟในฤดูร้อนได้ดี ก็อาจจะเป็นตัวช่วยให้ค่าไฟฟ้าในเวลานั้นไม่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยทั้งปีได้ ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายสูงได้ จากสาเหตุ ค่าไฟแพงมาก ที่รวบรวมมาคลายความสงสัยให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อจะได้วางแผนในการตรวจสอบและแก้ไข โดยหนึ่งทางออกที่ช่วยสยบปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดก็คือ การเลือกใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นตัวช่วย โดยหากท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน แต่เริ่มต้นไม่ถูกว่าจะต้องทำอะไรก่อนดี สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น ที่มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โดย Nung Pr 9 ตุลาคม 2566
เสียงบ่นเรื่องค่าไฟแพงมักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งมีอัตราการใช้ไฟฟ้าที่สูงกว่าช่วงอื่น ๆ ในแต่ละปี โดยอาจจะมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ทราบว่ามีสาเหตุหรือต้นทางมาจากอะไร เราจึงอยากชวนผู้ใช้ไฟทุกคนมาทำความเข้าใจกันว่าปัญหา ค่าไฟแพง 2566 มีปัจจัยใดเป็นตัวสนับสนุน แล้วเราจะหาทางออกให้กับวิกฤติเรื้อรังนี้ยังไงให้เกิดความยั่งยืน เนื่องจากไฟฟ้าถือเป็นพลังงานสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับทุกสถานที่ และทุกคน โดยเฉพาะในอนาคตที่คาดว่าจะต้องใช้ในปริมาณเพิ่มสูงขึ้น การมารู้จักสาเหตุ ค่าไฟแพง 2566 จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ที่จะสร้างทางเลือกใหม่ ๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องเครียดกับปัญหาค่าไฟที่ผลักดันให้ค่าครองชีพสูงตามไปด้วย 1. การพึ่งพาและนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างชาติ ที่ไม่สามารถควบคุมราคาได้ การผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรายังคงพึ่งพาเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งทำให้ไม่สามารถควบคุมโครงสร้างราคาได้ โดยเฉพาะหากมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาสนับสนุน เช่น การหยุดซ่อมแซมเพื่อปรับปรุงระบบขุดเจาะหรือนำส่ง การเกิดภาวะสงครามหรือความขัดแย้งในประเทศนั้น ๆ จำนวนปริมาณพลังงานที่มีจำนวนน้อยลง จนส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 ทั้งสิ้น 2. การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลส่วนใหญ่ในการเป็นแหล่งพลังงานผลิตไฟฟ้า ระบบโรงผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังคงต้องใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประเทศไทยต้องแบกรับความเสี่ยงกรณีขาดแคลนเชื้อเพลิงเหล่านี้ ซึ่งต้องมีการหาแหล่งสำรอง ที่อาจจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่ด้วยข้อจำกัด จึงต้องมีการจัดซื้อ เพื่อให้มีต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าให้เพียงพอต่อความต้องการของประชากรในประเทศ และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจการค้าโดยรวม นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดวิกฤติ ค่าไฟแพง 2566 3. รูปแบบต้นทุนการผลิต ที่ผลักภาระไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการผลิตไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นที่ผลิตโดยโรงไฟฟ้าของรัฐ หรือเอกชน จะนำมาคำนวณรวมกันแล้วเฉลี่ยเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างค่าไฟฟ้าที่ทุกสถานที่ผู้ใช้ไฟจะต้องแบกรับ ในสัดส่วนที่แตกต่างกันไป แปรผันตามปริมาณการใช้งาน ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งจะต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้น ค่าไฟแพง 2566 ส่วนหนึ่งจึงมาจากรูปแบบต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่จะผลักดันภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าโดยตรง เพื่อไม่ก่อให้เกิดภาระขาดทุนที่ภาครัฐจะต้องแบกรับ หรือนำภาษีที่จัดเก็บได้มาอุดหนุน 4. การสำรองไฟฟ้าไว้ใช้งานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้า และไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงัก กรณีเกิดการขาดแคลน รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ไฟ ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้าฝ่ายผลิต การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือการไฟฟ้านครหลวง จึงต้องมีการวางแผน เพื่อดำเนินการสำรองกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานให้เพียงต่อ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน หรือช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ไฟฟ้าบางส่วนหายไปจากระบบ ทำให้ต้องซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้ามาทดแทน ในบางครั้งอาจจะมีอัตราสำรองที่สูงเกินจริง จึงเป็นหนึ่งในต้นเหตุให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 5. นโยบายด้านพลังงานที่ไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ เสถียรภาพด้านการเมือง แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะทำให้เกิดปัญหา ค่าไฟแพง 2566 แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะนโยบายจากรัฐบาลในแต่ละยุคสมัยก็มีผลผูกพันต่อการทำสัญญาซื้อขาย และการวางแผนเพื่อรองรับการใช้ไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เมื่อมีการปรับเปลี่ยนรัฐบาล หรือผู้มีอำนาจในการสั่งการ ก็มักจะเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการดำเนินการ ซึ่งอาจจะกระทบกระเทือน และไม่สอดคล้องต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ค่าไฟแพง 2566 จึงมีสาเหตุหรือต้นทางมาจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น โดยอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้อย่างยั่งยืน ก็คือ การหันมาใช้พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าผ่านระบบโซล่าเซลล์ โดยสำหรับท่านใดที่สนใจในการนำระบบโซล่าเซลล์มาใช้งาน สามารถขอคำปรึกษาและสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง บริษัท โซลาร์ พาวเวอร์ ครีเอชั่น บริษัทชั้นนำด้านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี มีทีมวิศวกรและช่างที่มีความเชี่ยวชาญดูแลตลอดระยะเวลาตั้งแต่สำรวจ ติดตั้ง ขออนุญาต ไปจนถึงการบำรุงรักษา โดยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 082-628-2456 หรือแอดไลน์ @Solarpowercreation และเข้าไปอ่านเนื้อหาความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ได้ที่ www.powercreation.co.th และ Facebook : Solar Power Creation
โพสเพิ่มเติม